เมล็ดกาแฟคั่ว รู้ประวัติและข้อดีของการคั่วกาแฟพร้อมแนะนำเทรนด์ใหม่ที่ควรรู้
เมล็ดกาแฟคั่ว เป็นเมล็ดที่ผ่านกรรมวิธีการแปรรูปเมล็ดกาแฟสดให้อยู่ในรูปของเมล็ดกาแฟที่เหมาะสมสำหรับการทำเป็นเครื่องดื่ม ทั้งนี้การคั่วกาแฟก็นับเป็นวิธีการที่มีมาอย่างยาวนานและได้รับความนิยม นอกจากนี้ยังมีระดับการคั่วที่แตกต่างกันออกไปเพื่อรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในวันนี้ทางเราชอบไปคาเฟ่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเมล็ดกาแฟคั่วว่ามีที่มาจากไหน กระบวนการการคั่วเมล็ด วิธีการเลือกเมล็ดกาแฟ รวมไปถึงประโยชน์ของด้วย ตามมาอ่านต่อกันเลยค่ะ
เมล็ดกาแฟคั่ว
- ประวัติความเป็นมาของการคั่วกาแฟ
- ประเภทของเมล็ดกาแฟคั่ว
- กระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ
- วิธีการเลือกเมล็ดกาแฟสำหรับการคั่ว
- ความแตกต่างระหว่างการคั่วแบบอ่อน กลาง และเข้ม
- ประโยชน์และโทษของเมล็ดกาแฟคั่ว
- เทรนด์และนวัตกรรมใหม่ในการคั่วกาแฟ
- บทสรุป
ประวัติความเป็นมาของการคั่วกาแฟ
การคั่วกาแฟเริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 13 ที่ประเทศอาราเบีย โดยกาแฟเป็นหนึ่งในผลผลิตทางการเกษตรที่สร้างผลกำไรเป็นอย่างมากให้แก่ประเทศ ซึ่งในระยะแรกมีการนำกาแฟมาใช้เพื่อเป็นเครื่องดื่มในการกระตุ้นความเหนื่อยล้า นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรค โดยในอดีตใช้กรรมวิธีแปรรูปด้วยการนำเมล็ดที่แห้งแล้วไปบดและผสมกับน้ำมันจากนั้นนำมาปั้นเป็นลูกแล้วจึงรับประทาน
ประเภทของเมล็ดกาแฟคั่ว
การคั่วเมล็ดกาแฟสามารถแบ่งออกได้ตามระดับของการคั่ว ซึ่งส่งผลต่อลักษณะและรสชาติของกาแฟให้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังทำให้วิธีการชงเมล็ดกาแฟคั่วแต่ละชนิดต้องแตกต่างกันเพื่อชูรสชาติที่ดีที่สุดออกมาด้วย ทั้งนี้สามารถแบ่งประเภทของ เมล็ดกาแฟคั่ว ได้ดังต่อไปนี้
คั่วอ่อน (Light Roast)
เมล็ดกาแฟมีสีน้ำตาลอ่อน ไม่มีน้ำมันบนพื้นผิว มีรสชาติเปรี้ยวและหอมกลิ่นผลไม้หรือดอกไม้ เหมาะสำหรับการชงแบบเททับหรือก็คือการเทน้ำร้อนผ่านกาแฟและตัวกรองกระดาษ
คั่วกลาง (Medium Dark Roast)
เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้มขึ้นเล็กน้อย รสชาติจะมีความสมดุลระหว่างความเปรี้ยวและความเข้มข้น เผยให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของนัตตี้คาราเมลที่เต็มไปด้วยความหวานและความขมมันแบบลงตัว
คั่วเข้ม (Dark Roast)
เมล็ดกาแฟคั่วเข้มจะมีสีน้ำตาลเข้มและมีน้ำมันบนผิวเมล็ด หากสังเกตจะค้นพบว่า รสชาติจะทั้งเข้มข้นและมีความขม พร้อมทั้งมีกลิ่นคั่วไหม้เล็กน้อยซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์ของเมล็ด กาแฟคั่วเข้ม
กระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ
การคั่วกาแฟทำไปเพื่อช่วยพัฒนากลิ่นและรสชาติให้มีความเป็นเอกลักษณ์และน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้กระบวนการสำหรับการคั่วเมล็ดกาแฟจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
ช่วงทำแห้ง
หลังจากที่เมล็ดกาแฟดิบถูกนำมาล้างจนสะอาด จะอยู่ในช่วงของการทำให้เมล็ดกาแฟแห้งโดยใช้อุณหภูมิความร้อนที่ประมาณ 180-220 องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดความชื้นออกจากเมล็ดกาแฟ
ช่วงเมลลาร์ด
เป็นช่วงที่เมล็ดกาแฟทำปฏิกิริยาที่มีชื่อว่าเมลลาร์ด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้กาแฟเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งสีและกลิ่น โดยจะทำให้กาแฟมีสีเข้มขึ้นรวมทั้งมีกลิ่นที่หอมมากขึ้นด้วย
ช่วงพัฒนา
เป็นช่วงกำหนดระดับของเมล็ดกาแฟที่ต้องการด้วยการคั่ว ยิ่งคั่วนานกาแฟก็จะยิ่งเข้มข้น โดยจะมีการแตกตัวของเมล็ดกาแฟซึ่งเป็นสัญญาณว่ากาแฟพร้อมแล้วที่จะนำไปใช้
วิธีการเลือกเมล็ดกาแฟสำหรับการคั่ว
การเลือกเมล็ดกาแฟสำหรับการคั่วเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งรสชาติและกลิ่นของกาแฟ โดยเทคนิคในการเลือกเมล็ดกาแฟก็มีทั้งหมด 4 เทคนิคหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้
สายพันธุ์ของกาแฟ
กาแฟมีสองสายพันธุ์หลัก ๆ ได้แก่ อาราบิก้าและโรบัสต้า อาราบิก้ามีรสชาติอ่อนนุ่มและมีคาเฟอีนน้อยกว่าโรบัสต้าที่มีความเข้มข้นสูงและมีคาเฟอีนสูงมากเช่นเดียวกัน
แหล่งปลูกกาแฟ
แหล่งที่มาของกาแฟมีผลต่อรสชาติของเมล็ดกาแฟ กาแฟจากแต่ละสถานที่จะมีรสชาติที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างได้ดังต่อไปนี้
- ประเทศเอธิโอเปีย : กาแฟเอธิโอเปียมีรสชาติที่หลากหลายซับซ้อน มักมีรสชาติของผลไม้และดอกไม้ เช่น กาแฟจาก Yirgacheffe ที่มีรสเปรี้ยวหวานพร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้
- ประเทศโคลอมเบีย : กาแฟจากประเทศนี้มีจุดเด่นในเรื่องของรสชาติที่สมดุล มีทั้งกลิ่นเปรี้ยวและหวานของผลไม้และช็อกโกแลต โดยกาแฟจากแหล่ง Hulia และ Narino ขึ้นชื่อว่าเป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูงที่สุด
- ประเทศบราซิล : กาแฟที่มีความเข้มข้นและมีกลิ่นหอมของถั่วและช็อกโกแลต โดยกาแฟจากแหล่ง Minas Gerais และ Sao Paulo เป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดโลก
- ประเทศเคนยา : กาแฟจากประเทศนี้มีรสชาติเปรี้ยวหวานและมีกลิ่นหอมของผลไม้ ยกตัวอย่างเช่น กลิ่นเบอร์รี่และซิตรัส จาก Nyeri และ Kirinyaga เป็นกาแฟจากอีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อเป็นพิเศษในด้านความเข้มข้น
- ประเทศไทย : กาแฟจากดอยตุงและดอยช้างขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพที่สูงและมีรสชาตินุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีรสชาติที่นุ่มนวลและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์จากดอกไม้และผลไม้อีกด้วย
- ประเทศอินโดนีเซีย : กาแฟจากประเทศนี้มีรสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศและดิน โดยกาแฟที่มาจากแหล่งที่นิยมก็คือ Sumatra และ Java
ความสดของกาแฟ
ควรเลือกกาแฟเม็ดที่คั่วสดใหม่ภายใน 30 วัน เพราะเมล็ดกาแฟจะคงคุณสมบัติทั้งกลิ่นและรสชาติที่ดีที่สุดและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเมล็ดกาแฟเอาไว้
ความแตกต่างระหว่างการคั่วแบบอ่อน กลาง และเข้ม
เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม มีความแตกต่างกัน ซึ่งผู้บริโภคต่างก็ชื่นชอบรสชาติของกาแฟที่แตกต่างกันออกไปด้วย อย่างไรก็ตามก็สามารถจำแนกความแตกต่างของเมล็ดกาแฟแต่ละประเภทได้ ดังต่อไปนี้
กาแฟคั่วอ่อน
- สี : เมล็ดกาแฟมีสีน้ำตาลอ่อน
- รสชาติ : มีทั้งความเปรี้ยวและความหวานของผลไม้
- กลิ่น : มีความหอมของผลไม้และดอกไม้
- เหมาะกับ : การชงโดยไม่ใส่นมหรือน้ำตาล เพื่อดึงรสชาติและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา
กาแฟคั่วกลาง
- สี : เมล็ดกาแฟมีสีน้ำตาลกลางถึงเข้ม
- รสชาติ : มีความสมดุลระหว่างเปรี้ยวและขม มาพร้อมกับกลิ่นช็อกโกแลตและถั่วที่ค่อนข้างชัดเจน
- กลิ่น : หอมเข้มข้น
- เหมาะกับ : การชงกับกาแฟร้อน กาแฟเย็น ไปจนถึงกาแฟนม
กาแฟคั่วเข้ม
- สี : เมล็ดกาแฟมีสีน้ำตาลเข้มมากจนถึงดำ
- รสชาติ : ไม่มีรสเปรี้ยว เน้นไปที่รสขมที่เด่นชัด
- กลิ่น : กลิ่นไหม้และควัน
- เหมาะกับ : การชงเอสเปรสโซ ไปจนถึงกาแฟนม
ประโยชน์และโทษของเมล็ดกาแฟคั่ว
เมล็ดกาแฟคั่วมีทั้งประโยชน์และมีทั้งโทษ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณในการดื่มกาแฟ โดยหากดื่มด้วยปริมาณมากก็อาจจะส่งผลเสียแทนที่จะเป็นผลดีได้
ประโยชน์ของเมล็ดกาแฟคั่ว
- กระตุ้นระบบประสาทด้วยคาเฟอีนที่มีอยู่ภายในกาแฟซึ่งช่วยให้ตื่นตัวและเพิ่มความสามารถในการทำงานของสมอง
- กาแฟมีสารต้นอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและชะลอการเสื่อมของเซลล์
- คาเฟอีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในร่างกาย
- การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่สอง, โรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์
โทษของเมล็ดกาแฟคั่ว
- การดื่มกาแฟมากเกินไปจะไปกระตุ้นระบบประสาททำให้มีอาการนอนไม่หลับ, หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตสูง
- คาเฟอีนกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร หากดื่มกาแฟมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนหรือแผลในกระเพาะอาหารได้
- การดื่มกาแฟเป็นประจำอาจทำให้เกิดอาการติดคาเฟอีน ซึ่งเมื่อหยุดดื่มอาจทำให้เกิดอาการถอนคาเฟอีน เช่น อาการปวดหัวและอ่อนเพลียได้
เทรนด์และนวัตกรรมใหม่ในการคั่วกาแฟ
ในปัจจุบันปี 2024 เทรนด์การดื่มกาแฟก็เปลี่ยนแปลงไปตามไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้จะมีเทรนด์ใดบ้างที่กำลังน่าสนใจ ก็ลองไปดูกันเลย!
- กาแฟ RTD : กระแสกาแฟพร้อมดื่มหรือกาแฟกระป๋องที่สามารถดื่มเมื่อไหร่ก็ได้แต่เวลาน้อย ทำให้กาแฟกระป๋องตอบโจทย์เนื่องจากคงคุณภาพความสดใหม่เอาไว้ได้เป็นอย่างดี
- นมพืชทางเลือกใหม่ : นมพืชเพื่อสุขภาพใช้ดื่มแทนนมวัวธรรมดา ยกตัวอย่างเช่น นมโอ๊ตและนมถั่วเหลือง เป็นต้น
- เครื่องเทศและสมุนไพร : กาแฟที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศและสมุนไพร เช่น ขิง, ขมิ้น และอบเชย เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
- ส่วนผสม CBD : กาแฟที่มีส่วนผสมของกัญชาเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและลดความเครียด
- ส่วนผสมของโปรตีน : กาแฟที่เอาใจสายสุขภาพ เสริมด้วยโปรตีนและเหมาะกับผู้ที่ต้องการพลังงานและโปรตีนเสริม
บทสรุป
จากที่กล่าวมาก็คงจะทำให้เห็นแล้วว่าเมล็ดกาแฟคั่วมีที่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่มนุษย์รู้จักการคั่วกาแฟ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการคั่วกาแฟถูกแบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ กาแฟคั่วอ่อน กาแฟคั่วกลาง และ กาแฟคั่วเข้ม ซึ่งการเลือกดื่มกาแฟดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ดื่มโดยตรงอีกด้วย
ซึ่งหากใครกำลังมองหาแหล่ง ขายส่งเมล็ดกาแฟคั่ว เกรดสำหรับร้านกาแฟ หรือไว้ดื่มเองที่บ้านฟินๆล่ะก็เราขอแนะนำ บริษัท พีเคซี คอฟฟี่ จำกัด ที่มีเมล็ดกาแฟแบบขายส่งโดยมีให้เลือก 3 เกรดด้วยกัน เริ่มจากเกรดเมล็ดกาแฟแตกหัก เกรดพรีเมี่ยม และคัดเกรดพิเศษ ซึ่งยังสามารถเลือกระดับความเข้มข้นของการคั่วเมล็ดกาแฟได้อีกด้วย
0 Comments